วันศุกร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ผลการเรียนรู้ในสัปดาห์ที่ 1

ดิฉัน พ.ต.หญิง ขนิษฐา บุญรอด อายุ 33ปี จบการศึกษาจากวิทยาลัยพยาบาลกองทัพบก
ปัจจุบันทำงานที่รพ.ค่ายธนะรัชต์ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบฯในตำแหน่งพยาบาลห้องผ่าตัด
จากการเข้าศึกษาในชั้นเรียนวิชา การจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศสำหรับผู้บริหารเมื่อวันที่ 31 พค.2552
และมีการบ้านดังนี้

3.ให้นักศึกษาตอบคำถามต่อไปนี้ในเนื้อหาของเมล์
3.1ความรู้ที่นักศึกษาได้รับจากการเรียนในครั้งนี้โดยสรุป
บทที่ 1 ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ
-เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology)หมายถึง กระบวนการในการนำเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีการสื่อสารโทรคมนาคมมาใช้ในการจัดเก็บข้อมูล ประมวลผล และนำเสนอในรูปแบบที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ไม่ว่าจะเป็นเสียง ภาพ ภาพเคลื่อนไหว ข้อความและตัวเลข เป็นต้น
-ข้อมูล คือ ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นที่ควรค่าแก่การจัดเก็บเพื่อนำไปใช้ในโอกาสต่อไป
- สารสนเทศ คือ ข้อมูลที่ผ่านการประมวลผลแล้ว สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการวางแผน การตัดสินใจ และการดำเนิงาน
-ระบบสารสนเทศ หมายถึง ระบบที่ผ่านกระบวนการกลั่นกรอง หรือประมวลผลข้อมูลเพื่อให้ได้สารสนเทศที่ต้องการ เพื่อจะสนับสนุนการปฏิบัติงานขององค์กร
-องค์ประกอบที่สำคัญในการดำเนินงานของระบบ คือ
1.Input
2.Process
3.Output
4.Feedback
-หน้าที่พื้นฐานของระบบสารสนเทศ คือ
1.Input function
2.Storage function
3.Processing function
4.Output function
5.Communication function
-ความสำคัญของระบบสารสนเทศ
1.การแข่งขันทางการค้า
2.การขยายเครือข่ายทางการค้า
3.การท้าทายของเศรษฐกิจโลก
4.ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสารสนเทศ
5.Communication function
-โครงสร้างของระบบสารสนเทศมีลักษณะคล้ายรูปปิรามิด คือมีฐานกว้างและส่วนยอดแคบ ซึ่งหมายถึง ผู้บริหารแต่ละระดับต้องการใช้สารสนเทศที่แตกต่างกัน ผู้บริหารระดับล่างต้องการสารสนเทศที่ละเอียดเพื่อใช้ในการพัฒนางาน แต่ผู้บริหารระดับสูงต้องการสารสนเทศแบบสรุปที่กลั่นกรองจากด้านล่างแล้วเพื่อใช้ในการตัดสินใจและวางแผนระยะยาว แต่ถ้าแบ่งโครงสร้างของระบบสารสนเทศตามลักษณะกิจกรรม ระดับล่างคือระดับปฏิบัติงานจนถึงระดับสูงที่ต้องวางแผน และบริหารงานทั้งองค์กร
-การจัดการทรัพยากรสารสนเทศ คือ การจัดการสารสนเทศโดยใชั Hardware,Software,บุคคลากรด้านคอมพิวเตอร์ และวิธีการในการทำงานเพื่อให้เกิดประโยชน์แก่องค์กรมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยการจัดการทรัพยากรสารสนเทศเน้นที่คุณค่าของสารสนเทศเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
บทที่ 2 เทคโนโลยีสารสนเทศต่อการพัฒนาการศึกษา
-บทบาทของเทคโนโลยีสารสนเทศต่อการพัฒนาการศึกษา:ช่วยพัฒนาการเรียนการสอนให้มีความทันสมัยมากขึ้น โดยนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการจัดการศึกษาในสถานศึกษา ทั้งในด้านการบริหารจัดการ การเรียนการสอน การวิจัย และการบริการสังคม สามารถจัดการเรียนการสอนได้อย่างทั่วถึง ผู้เรียนสามารถศึกษาหาความรู้ด้วยตนเองได้มากขึ้น
-ห้องสมุดเสมือน (Virtual Library)หมายถึง แหล่งรวมของแฟ้มอิเล็กทรอนิกส์ หรือสื่อดิจิตอลประเภทต่างๆ โดยออกแบบและพัฒนาขึ้นมาเพื่อใช้สนับสนุนการเรียนการสอนในสถานศึกษา
-Distance Learning คือ การจัดการเรียนการสอนที่เปิดโอกาสให้บุคคลเข้าเรียนได้โดยไม่ต้องมานั่งเรียนในชั้นเรียน ยุคแรก ใช้วิธีการเรียนทางไปรษณีย์ ต่อมาใช้วิทยุกระจายเสียง ในปัจจุบันใช้การศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม
-e-learning :เป็นการเรียนรู้ผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต เป็นการศึกษาด้วยตนเอง โดยเนื้อหาของบทเรียนจะอยู่ในรูปของมัลติมีเดีย จะถูกส่งไปยังผู้เรียนผ่าน web browser ทั้งนี้ผู้เรียนจะสามารถศึกษาได้ทุกเวลา ทุกสถานที่ โดยทั้งผู้เรียนและผู้สอนสามารถติดต่อสื่อสารกันได้แหมือนการเรียนในชั้นเรียนปกติ
-Computor Aided Instruction(CIA.):กระบวนการเรียนการสอนที่ใช้สื่อคอมพิวเตอร์ในการนำเสนอเนื้อหา หรือสารสนเทศแบบฝึกหัด แบบทดสอบ และให้ข้อมูลย้อนกลับไปยังผู้เรียนได้ทันที ลักษณะการเรียนเป็นแบบมีปฏิสัมพันธ์ คือสามารถโต้ตอบระหว่างผู้เรียนและคอมพิวเตอร์ได้
- e-Book :เป็นหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ที่ถูกนำมาจัดพิมพ์ในรูปแบบดิจิตอล สามารถจัดเก็บข้อมูลได้จำนวนมากและมีการเชื่อมต่อกับหนังสืออิเล็กทรอนิกส์เล่มอื่นๆได้เพราะอยู่บนเครือข่ายเดียวกันและมีบราวเซอร์ที่สามารถดึงข้อมูลมาให้ตามความต้องการเหมือนการใช้อินเตอร์เน็ตทั่วไป
-นโยบายเทคโนโลยีสารสนเทศ พศ.2544-2553มีเป้าหมายในการสร้างความพร้อมของทรัพยากรมนุษย์ทั้งหมดของประเทศ เพื่อช่วยกันพัฒนาให้เกิดสังคมแห่งภูมิปัญญาและการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ
-แผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารกระทรวงศึกษาธิการ พศ.2550-2554
วิสัยทัศน์:ผู้เรียน ผู้สอน บุคลากรทางการศึกษาและประชาชนใช้ประโยชน์จาก ICT.ในการเข้าถึงบริการทางการศึกษาได้เ เต็มศักยภาพ อย่างมีจริยธรรม มีสมรรถนะทาง ICT.ตามมาตรฐานสากล
พันธกิจ:
1.การใช้ ICT.พัฒนาคุณภาพและประสิทธิภาพ การเรียนรู้
2.การใช้ ICT.เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทางการศึกษา
3.การผลิตและพัฒนาคุณภาพผู้จบการศึกษาด้าน ICT.เพื่อการพัฒนาประเทศ
:โดยปกติแล้วดิฉันไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ คอมพิวเตอร์ สักเท่าไหร่ เพิ่งเริ่มใช้คอมพืวเตอร์ในงานประจำเมื่อ 3-4ปีมานี้เองและไม่ได้ใช้บ่อยจึงไม่ค่อยชำนาญ แค่พิมพ์งานได้เล็กน้อย การใช้อินเตอร์เน็ตได้นิดหน่อย แต่หลังจากฟังบรรยายและฝึกปฏิบัติที่ อ.ปรมัตถ์ปัญปรัชญ์ เป็นผู้สอนทำให้ดิฉันมีความรู้เกี่ยวกับการใช้อินเตอร์เน็ตเป็นแหล่งหาความรู้ สามารถรับและส่งเมล์ได้ดีขึ้น ตลอดจนได้รับรู้เทคนิคบางอย่างที่ไม่เคยทราบมาก่อน
3.2ประโยชน์ที่มีของระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ต่อกระบวนการจัดการศึกษา
:ระบบเครือข่าย อินเตอร์เน็ต เป็นแหล่งหาความรู้ที่สำคัญมากในยุคนี้ เพราะมีข้อมูลมากพอที่จะตอบสนองความต้องการของผู้ค้นหาได้หลากหลาย อีกทั้งยังสะดวกสบายในการใช้ สามารถศึกษาค้นคว้าได้ทุกที่ ทุกเวลา มีความรวดเร็วในการได้รับข้อมูลไม่ต้องเสียเวลาหาตามหนังสือในห้องสมุดซึ่งไม่รู้ว่าจะมีในห้องสมุดใดบ้าง หรือจะเรียกว่า เป็นการศึกษาแบบไร้พรมแดนก็ได้
3.3เปรียบเทียบข้อดี ข้อเสียของการใช้โปรแกรมประยุกต์บนอินเตอร์เน็ตกับการติดตั้งโปรแกรมใช้งานบนเครื่องคอมพิวเตอ์ส่วนบุคคล
:สำหรับคำถามข้อนี้ ดิฉันไม่ทราบคำตอบมาก่อนจึงหาข้อมูลมาจากอินเตอร์เน็ต และการสอบถามผู้รู้ แต่ก็ไม่มั่นใจเลยว่าดิฉันจะเข้าใจถูกต้องหรือไม่ถ้าโปรแกรมประยุกต์บนอินเตอร์เน็ต หมายถึง web application และ คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล หมายถึง personal computer ในความเข้าใจของดิฉันคือ web application:สามารถนำเสนอข้อมูลที่เราต้องการได้อย่างรวดเร็ว ครบถ้วน เพราะมีระบบการจัดการข้อมูลที่ดี ยกตัวอย่างเช่น การหาข้อมูลมาตอบคำถามข้อนี้ ดิฉันก็ค้นคว้ามาจากอินเตอร์เน็ตpersonal computer:ในกรณีเดียวกัน ถ้าดิฉันมีเพียงคอมพิวเตอร์อย่างเดียวโดยที่ไม่สามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้ ดิฉันก็ไม่สามารถหาข้อมูลได้เลยเนื่องจากในคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลจะมีเพียงโปรแกรมการทำงานที่เราตั้งค่าไว้เท่านั้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น